ศิลปะของ
การตลาดด้วยกลิ่นหอม
นำศาสตร์แห่งกลิ่นหอมมาใช้เพื่อสร้างอิทธิพลต่อพฤติกรรมของลูกค้า
การตลาดด้วยกลิ่นหอมคืออะไร
หลายปีที่ผ่านมาธุรกิจประเภทต่าง ๆ ได้ใช้ศาสตร์แห่งกลิ่นและการตลาดด้วยกลิ่นหอมให้เป็นประโยชน์ทำให้พวกเขาสามารถเพิ่มโอกาสได้รับความภักดีต่อแบรนด์จากลูกค้าและสร้างผลกำไรที่สูงขึ้น บริษัทต่าง ๆ เช่น Nike, Jimmy Choo, Abercrombie & Fitch และ Harrods ได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ โดยการกระจายกลิ่นหอมสูตรเฉพาะทั่วร้านค้า แม้แต่ในผลิตภัณฑ์ของเขา กลิ่นเหล่านี้สามารถกระตุ้นอารมณ์บางอย่างในผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าโดยกระตุ้นไม่เพียงแต่แนบกลิ่นกับตราสินค้า (ภาพลักษณ์ของแบรนด์) แต่ยังใช้ในร้านค้าหรือสถานที่ทำธุรกิจมากขึ้นด้วย (ประสบการณ์ของลูกค้า) ทั้งหมด ในขณะที่สร้างความทรงจำในเชิงบวกด้วยกลิ่นเหล่านั้นซึ่งจะทำให้พวกเขากลับไปใช้บริการหรือผลิตภัณฑ์ซ้ำ (ความภักดีต่อแบรนด์)
การศึกษาของ Nike พบว่าพวกเขาสามารถเพิ่มความสนใจในการซื้อได้ถึง 84% ผ่านการนำกลิ่นหอมเข้ามาใช้ในร้านของเขา
ศาสตร์เบื้องหลังการตลาดด้วยกลิ่นหอม
ออลแฟกทอรี่ (ประสาทรับกลิ่น) ไม่ใช่ประสบการณ์แบบ “สิ่งเดียวที่เหมาะกับทุกคน” ที่เราคิดว่าเป็น วิธีการประมวลผลกลิ่นครั้งแรกขึ้นอยู่กับว่าโมเลกุลของกลิ่นยึดติดกับตัวรับบนเยื่อบุผิวรับกลิ่น ซึ่งเป็นแถบเนื้อเยื่อที่มีเซลล์ประสาทรับความรู้สึกหลายล้านเซลล์ที่อยู่ด้านหลังของจมูก การรับกลิ่นเริ่มต้นที่นั่นโดยพบว่าอยู่เหนือส่วนปลายของเซลล์ประสาทเหล่านี้ที่จับโมเลกุลของกลิ่นเหม็น เรามีตัวรับกลิ่นประมาณ 450 ชนิดที่ใช้งานโดยโมเลกุลของกลิ่นที่แตกต่างกัน
จากนั้นสมองจะสั่งการในความสมดุล เมื่อโมเลกุลของกลิ่นยึดติดกับตัวรับสัญญาณไฟฟ้าจะถูกส่งไปยังส่วนออลแฟกทอรี่บัลบ์ (โครงสร้างที่ฐานของสมองส่วนหน้าซึ่งส่งสัญญาณไปยังส่วนอื่น ๆ ของสมองเพื่อการประมวลผลที่มากขึ้น) หนึ่งในพื้นที่เหล่านี้คือทาลามัสซึ่งส่งข้อมูลบางส่วนของกลิ่นไปยังฮิปโปแคมปัสและอะมิกดาลา เหล่านี้คือบริเวณของสมองที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้และความจำ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้คนพิเศษเข้ามาหาคุณเมื่อได้กลิ่นน้ำหอม
แล้วถ้าการตอบสนองทางอารมณ์ในทันทีล่ะ ประสาทรับกลิ่นของเราถูกประมวลผลโดยระบบลิมบิกซึ่งอยู่ทางซ้ายของสมองที่เก็บอารมณ์ต่าง ๆ และความทรงจำ เส้นทางตรงไปยังส่วนอารมณ์ของสมองของเราหมายความว่ากลิ่นหอมไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการหรือประมวลผล
